วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

“วิลลี่” ยอมรับผิดถอด “เปิ้ล” ฟ้าผ่า เผยชนวนเพราะอีกฝ่ายออกไปทำรายการ-หนังทับทางกัน

“วิลลี่” แถลงยอมรับผิดถอด “เปิ้ล” ออกจาก “สาระแน” บอกขอโทษ แอ่นรับรู้มาก่อน 2 สัปดาห์แล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รู้จะบอกเปิ้ลยังไง แจงชนวนเพราะอีกฝ่ายออกไปทำรายการ-หนังทับทางกัน กลัวคนมองทิ้งเปิ้ล พร้อมเผยเมื่อเช้ามีคนโทร.เข้ามาด่าตนเรื่องนี้แล้ว พ้อถ้ารู้ว่าการเปลี่ยนพิธีกรสักคนเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะขอออกเอง




เป็นเรื่องขึ้นมาทันที เมื่อวันอังคาร (18 ก.ย.) ที่ผ่านมา “เปิ้ล นาคร” ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก http://www.facebook.com/ple.nakorn.5 โดยมีข้อความว่า เหมือนถูกฟ้าผ่ากลางกบาล หลังได้รับแจ้งว่าไม่ต้องมาอัดรายการ “สาระแน” แล้ว พ้อทำมา 15 ปี ไม่เชื่อว่าจะมีวันนี้ ทั้งนี้ ในข้อความเจ้าตัวยังบอกด้วยว่า ตนไม่ทันได้ตั้งตัวที่จะกล่าวลากับทีมงานทุกคน แต่ขอให้ทุกคนตั้งใจเดินหน้ากันต่อไป และ ตั้งใจทำงานให้ดี คนทำทีวี จิตใจต้องดี และ รักคนดูให้มากๆ ซึ่งหลังจากที่ข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ขึ้นก็มีกระแสวิพากษวิจารณ์ต่างๆ ตามมามากมาย

ล่าสุด เป็นเหตุให้ “วิลลี่ แมคอินทอช” ที่ต้องออกมาเปิดแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าว ขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น.ของวันนี้ (19 ก.ย.) ที่ตึกลักษ์ แซทเทิลไลท์ ทาวน์อินทาวน์ โดยเจ้าตัวได้ขอโทษไปยัง “เปิ้ล” และยอมรับว่า ตนรู้มาก่อน 2 สัปดาห์แล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีโอกาสได้บอกอีกฝ่าย เพราะเป็นเรื่องที่ตนลำบากใจมาก

“เรื่องนี้ผมรู้ว่าพี่เปิ้ลเสียใจ เราเองในบริษัททุกคนเสียใจเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณปีที่แล้ว ช่วงเวลาเดียวกัน ตอนที่พี่เปิ้ลตัดสินใจถอนหุ้นเรา พี่เปิ้ล บอกว่า ถ้าจะยืมตัวพี่ก่อนพี่ก็จะช่วย ผมก็บอกได้ครับพี่ ยังไงซะ ณ ตอนนั้นผมคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้ในรูปแบบรายการ ก็ต้องกวนให้พี่มาช่วยก่อน และในวันจันทร์ที่ผ่านมา เราถ่ายกันเสร็จเรียบร้อย ผมเองทราบว่าจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการอยู่แล้ว และจะมีการเปลี่ยนพิธีกรมาประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว แต่ผมไม่มีโอกาสบอก”

“ได้เจอพี่เปิ้ลครั้งสุดท้าย ก็คือ ถ่ายหนังโฆษณาด้วยกัน แล้วก็มาเจอกันเมื่อวันจันทร์ (17 ก.ย.) ที่ผ่านมา การที่เรามานั่งคุยกันที่หน้าสตูดิโอ ก็บอกว่า พี่เปิ้ลครับ ถึงเวลาที่ผมจะต้องไม่ต้องรบกวนพี่มาทำรายการสาระแนให้แล้ว เพราะผมก็รบกวนพี่เปิ้ลมาปีนึงแล้ว หลังจากที่พี่เปิ้ลถอนหุ้นไป ผมเองเสียใจ พี่เปิ้ลเองก็เสียใจ ที่บริษัททุกคนก็เสียใจ”

“มันมาถึงวันนึงที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงวันนี้ แล้วทำไมมันต้องเกิดขึ้น แต่เราเองก็ต้องพัฒนารายการ แล้วเราก็ต้องทำอีกต่อไปเรื่อยๆ ทำสิ่งดีๆ เราก็จะพยายามทำทุกๆ คำพูดที่พี่เปิ้ลเขียนมาครับ ว่าเราจะทำรายการดีๆ เราก็ต้องรักคนดูก่อน การเปลี่ยนแปลงมันมีเกิดขึ้นแน่นอน แล้วมันเกิดการเปลี่ยนแปลง ผมเองก็ลำบากใจ ทุกคนรับไม่ได้หรอกครับกับการมีฟ้าผ่า ผมขอยอมรับผิดคนเดียว แทนบริษัทและทุกคน”

“เป็นความผิดของผม เพราะจริงๆ ผมรู้เรื่องมา 1-2 อาทิตย์แล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะคุยกับพี่เปิ้ลยังไง เพราะเราเองก็สนิทกัน เรารักกัน เราอยู่กันมา 15 ปี แต่เมื่อมันมีวันเวลาที่จะต้องไปพูด ผมในฐานะของตัวแทนและตำแหน่งก็ต้องเป็นคนไปพูด ก็หาวิธีการว่าจะยังไงดี จะคุยกันให้เข้าใจยังไง ผมยอมรับว่าลำบากใจ”

“แล้วทำไมผมถึงเลือกคุยในวันนั้น เพราะว่าไม่ว่าจะคุยวันไหน มันก็ไม่ดีทั้งนั้น ผมไม่รู้จะไปเลือกวันไหนที่จะไปคุยแล้วให้เป็นไปในทางที่ดี ผมเองอยากคุยกับพี่เขาเอง ไม่อยากยกหูโทรศัพท์ วันนั้นพี่เปิ้ลก็บอกว่าพี่เปิ้ลเข้าใจนะ เพราะมันเป็นการตัดสินใจของส่วนรวม แล้วมันก็มีการพัฒนาปรับรูปแบบ เพราะก่อนหน้านี้เราปรับเปลี่ยนอะไรกันไม่ทัน ตัวพี่เปิ้ลเองเขาเข้าใจนั่นเป็นเรื่องของงาน”

“เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องเซนส์ซิทีฟ พี่เปิ้ลเองเขาก็เซนส์ซิทีฟ ถ้าเราบอกพี่เขาก่อน เรารู้เลยว่าเทปที่จะอัดรายการมันต้องเป็นเทปสาระแนที่เศร้าหมอง ไม่ใช่ทาเก็ตรูปแบบรายการที่เราจะต้องทำออกไป ก็จะเศร้ากันไปอีก ก็ไม่อยากจะทำออกไป จะคุยกันต้องคุยต่อหน้า ไม่ใช่ยกหูคุย”

“ชีวิตส่วนตัวของพวกผม 3 คน วิลลี่ เปิ้ล หอย ยังเหมือนเดิม เรายังคบหากันเหมือนเดิมครับ ไม่เปลี่ยนแปลง ในวันนั้นผมก็ขอโทษพี่เปิ้ลไป แล้วถ้าผมได้เจอพี่เปิ้ล ผมก็จะขอโทษอีก ขอโทษไปเรื่อยๆ อีก คนเราอยู่กันมานานมันมีความรู้สึก พอวันนึงมันมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องปรับปรุงตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง มันยากลำบากมากนะครับ แต่เรื่องส่วนตัวเรายังเป็นพี่น้องคุยกัน ปรึกษาเรื่องลูก เรื่องโรงเรียนลูก กินข้าวกันได้ ไม่มีการทะเลาะกัน เพียงแค่ว่าการปรับเปลี่ยนของงานมันเกิดขึ้น”

“ผมไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เพราะการพัฒนารายการมันเป็นช่วงที่เขาทำตอนเสนอผังกันใหม่ มันไม่สามารถไปแทรกตอนไหนก็ได้ตามใจเรา ที่ผ่านมา เราวานพี่เขามาช่วยเราขณะที่เรากำลังหาความเป็นสาระแนใหม่อยู่ เราเกรงใจ ก็ถึงเวลาที่เราต้องก้าวต่อไปข้าวหน้า”

เมื่อถามว่า “เปิ้ล” ไม่เหมาะกับสาระแนยังไง ถึงต้องการมีการปรับเปลี่ยนใหม่? เจ้าตัวก็อธิบายว่า…

“เราแค่จะหาพิธีกรใหม่ๆ เฉยๆ ครับ เราอยากได้คนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำงานให้ตรงกับทาเก็ตวัยรุ่นก็เท่านั้นเอง หอยยังอยู่ แค่เป็นการหาของใหม่มาใส่เท่านั้นเอง ก็ขอโทษแฟนๆ พี่เปิ้ลด้วยแล้วกัน วันนึงมันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผมก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าแต่ละคนจะรับได้ไหม แฟนคลับของพี่เปิ้ลบางคนอาจจะโกรธผมกับหอย”

“ที่อยากจะบอกว่าผม หอย และพี่เปิ้ล ยังรักกันเหมือนเดิม ไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่แยกกันไปทำงานในตอนนี้ ต่อไปเราอาจจะกลับมาทำงานกันอีก เราไม่ได้แตกแยกกันในฐานะพี่น้อง เราแค่แยกกันไปทำงาน ถ้าผมรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงพิธีกรสักคน มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผมก็จะขอเป็นคนเปลี่ยนแปลงเอง ผมไปเอง ให้พี่เปิ้ลกับหอยเขาอยู่”

เรียกว่าต่อไปจะไม่มี “เปิ้ล” ในรายการของลักษ์ 666 ทั้งหมดอีกแล้ว?

“มันก็ไม่ขนาดนั้น แค่ ณ ตอนนี้ผมขอพัฒนารายการให้มันดี ให้มันเป็นวัยรุ่น ตอนนี้รายการของเราเหลือเวลาแค่ 40 กว่านาทีเองนะ แล้ว วิลลี่ เปิ้ล หอย รวมกันมันจะ 200 ปีแล้วนะ มันไม่ใช่ทาเก็ตวัยรุ่นแล้ว เราเองก็พยายามจะทำ คนที่ดูเราก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เราเลยอยากลองหานิวเจนเนอเรชั่นเข้ามาใส่ แล้วก็จะพยายามทำให้มันอยู่ในเทรนด์วัยรุ่นอยู่”

“ผมขอโทษ ผมเสียใจจริงๆ ถ้าคนจะมองว่าการทำกับพี่เปิ้ลอย่างนี้มันไม่ถูก ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ผมเองก็พยายามระวังคำพูดเพื่อไม่ให้มันไปกระทบพี่เปิ้ล เพราะเรายังต้องคบหากันอยู่ สิ่งที่ผมพูดกับพี่เปิ้ล คือ เฮ้ย พี่เปิ้ลมันมีการปรับเปลี่ยนรายการ พี่เปิ้ลถ้าตอนนี้จะเปลี่ยนพิธีกรโอเคป่ะ เราก็จะพยายามให้มันดีขึ้น บางทีอาจจะเป็นแขกรับเชิญกลับมาใหม่ก็ได้”

“ผมบอกแล้วย้ำแล้วย้ำอีกว่า ผมกับพี่เปิ้ลเราไม่ได้ตัดขาดกัน พี่เปิ้ลยังเป็นพี่ชายผมเหมือนเดิม เดี๋ยวหลังจากนี้ผมก็จะโทร.หาเขาเหมือนกัน เพราะผมเองก็อยากจะรู้ว่าเขาดีขึ้นรึยัง เพราะลังจากที่พี่เปิ้ลถอนหุ้นไปทุกอย่างยังคบกันเหมือนเดิม แต่เราไม่มีเวลาให้กันเหมือนตอนที่ยังอยู่บริษัทเดียวกันแค่นั้นเอง”

ยอมรับที่ต้องถอด “เปิ้ล” ออกจากพิธีกรสาระแน ส่วนหนึ่งเพราะอีกฝ่ายถอนหุ้นออกจากบริษัท

“มันก็มีส่วน ตอนที่พี่เปิ้ลถอนหุ้นไป ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เรายังอยากจะรักษาสาระแนไว้ เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนอะไรตอนนั้นในรูปแบบรายการได้ แล้วพี่เปิ้ลก็ถอนหุ้นอีก มันก็เป็นอะไรที่คนดูรับไม่ได้ ผมก็เลยขอให้แกช่วยอยู่ทำรายการให้พวกเราไปก่อน”

“ส่วนที่คนอาจจะมองว่าเราทะเลาะกัน คือใจจริงวันนี้ผมเองก็อยากจะให้ผม พี่เปิ้ล เรามาแถลงข่าวร่วมกัน คนอื่นเขาจะได้ไม่มองว่าเราทะเลาะกัน แต่มันก็ไม่ได้ง่าย ผมเองเพิ่งทราบเรื่องเมื่อคืนนี้ ถึงตัดสินใจเชิญสื่อมวลชนมาสัมภาษณ์ แต่ถ้าอยากจะให้จัดแบบมีพี่เปิ้ลด้วยก็ต้องใช้เวลานิดนึง ก็ต้องตามพี่เปิ้ลว่าแกพร้อมจะออกไหม แต่เตรียมไม่ทันไง”

“ยืนยันว่า ความสัมพันธ์กับพี่เปิ้ลต่อไปยังเหมือนเดิมครับ แต่ยังมีแหยงๆ อยู่บ้าง คุยเรื่องงานกันลำบาก เพราะต่างฝ่ายต่างไปเปิดบริษัททำรายการ ทำหนังทำอะไรเหมือนกัน มันทับทางกัน ดังนั้นเลยพยายามไม่คุยเรื่องงาน จะคุยเรื่องลูก เรื่องอะไรไป แต่ถ้าคุยเรื่องงานนี่ค่อนข้างจะไม่คุยกัน เพราะเราไม่อยากจะมาทะเลาะกันทีหลัง ว่าเอ๊ะวันนั้นคุยเรื่องงานนี้ทำไมเอาไปทำแล้ว ใครคิดก่อนใครอะไรอย่างนี้ ผมก็พยายามจะบอกว่าต้องระมัดระวัง”

ไม่ปฏิเสธ สาเหตุสำคัญที่ต้องปลด “เปิ้ล” ออกจากรายการ นอกจากปัญหาที่อีกฝ่ายถอนหุ้นแล้ว การที่เปิ้ลทำงานทับไลน์กันก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทำงานร่วมกันต่อไปอีกไม่ได้

“ก็น่าจะมีส่วนครับ มันไม่ได้เกี่ยวว่ากลัวความลับรั่วไหล เพราะผมเองไม่ใช่บริษัทที่มีความลับเยอะ เป็นแค่บริษัททำรายการเฉยๆ เพียงแค่วันนึงอยากจะให้มีความชัดเจนไปเลยมันก็ดี เราเองก็ยังรักกันเหมือนกัน หลังจากที่คบกันมานาน ต่างฝ่ายต่างก็มีทางของตัวเองที่อยากจะไปทำ เราไม่เคยคิดจะกั้นใคร แต่จังหวะเวลาดีไม่ดีเราไม่รู้ พูดแล้วทำให้พี่เปิ้ลเสียใจ ผมเองก็เสียใจ เห็นพี่เปิ้ลร้องไห้ ผมก็ร้องไห้”

“พองานมันต้องมาตัดสินใจ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงไง ผมยืนยันว่าเราจบกันดี คุยกันวันนั้นพี่เปิ้ลเข้าใจ จบดีนี่คือผม พี่เปิ้ล หอย เราไม่ได้ทะเลาะกัน มันเป็นแค่การเปลี่ยนงานเฉยๆ มิตรภาพระหว่างเรายังเหมือนเดิม ผมไม่อยากให้การทำงานในวงการบันเทิงมาเป็นตัวตัดสิน ว่าเราจะอยู่หรือไม่ได้อยู่ด้วยกัน 15 ปี พี่น้องไม่น่าจะเอางานมาเกี่ยวข้อง งานคืองาน ชีวิตส่วนตัวก็ส่วนตัว แต่พอมันมีการเปลี่ยนแปลง เราก็เสียใจกันหมด ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมเองก็ผิด ที่ผมไม่พูดก่อนหน้านี้ 2 อาทิตย์ก่อน 1 เดือนก่อน หรือ 6 เดือนก่อน ผมว่าพูดตอนไหนผลลัพธ์เหมือนกันยังไงก็ต้องมีการเสียใจ”

ยังบอกไม่ได้ว่าใครมาแทน “เปิ้ล”

“ยังบอกไม่ได้ครับ ก็จะพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการให้มันสนุกขึ้น เรา 3 คน ยังเหมือนเดิม บริษัทแห่งนี้เราสร้างมาด้วยกันทั้งหมด 15 ปี ต่อไปบริษัทนี้ก็ยังเปิดประตูรับพี่เปิ้ลให้เข้า-ออกได้ทุกวันเหมือนเดิมทุกอย่างครับ”

การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบอะไรต่อรายการ อย่างเรื่องสปอนเซอร์?

“ยังไม่รู้เลยครับ ตอนแรกก็กะว่าคุยกับพี่เปิ้ลไปแล้ว หาแก๊งใหม่ๆ ใส่ในสาระแน แล้วก็ลองเอาไปให้สปอนเซอร์ดูว่าเขาจะโอเคไหม แต่พอมันเป็นข่าวใหญ่ ก็อาจจะมีสปอนเซอร์ถอนหรือเข้า ผมก็ไม่รู้ ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบรายการใหม่ของเรา ว่าจะชอบกันรึเปล่า ก็จะได้ดูพี่เปิ้ลถึงกลางตุลาฯ ก็ต้องดูสิว่าจะเป็นยังไงบ้าง เราเองอยากอยู่ด้วยกันตลอด แต่เมื่อเราต้องหยุด เราก็ต้องหยุด”

“ผมเองยอมรับว่าผมก็กลัวกระแสเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมเองก็ลำบากใจ ผมลำบากใจตั้งแต่ตอนที่พี่เปิ้ลขอถอนหุ้นแล้ว ว่าทำไม ด้วยเหตุผลอะไร แล้ววันนี้มาเปลี่ยนพิธีกรอีก แล้วมันจะยังไงต่อ ผมเองกังวลกลัวว่าสังคมจะมองผมว่าผมทิ้งพี่เปิ้ล ผมเองไม่ได้ทิ้งพี่เปิ้ลนะครับ ต่างฝ่ายต่างก็มีงานของกัน เมื่อเช้าก็ยังมีคนโทรศัพท์เข้ามาด่าเรื่องนี้ ผมเองก็จะพยายามรองรับทุกอย่างให้ดีที่สุด”

“ต้องเรียนว่าวันนี้ผม 3 คน กับธุรกิจต้องแยกออกจากกันนะครับ ผมไม่อยากให้ข่าวออกไปว่าเป็นเพราะเรา 3 คนทะเลาะกัน ถ้าทะเลาะก็ทะเลาะกันเฉพาะในบริษัทเราทะเลาะกันตลอด เพื่อจะให้ได้งานดีที่สุด แต่จะไปทะเลาะกันข้างนอก มางอนกัน โกรธกันอันนั้นก็มีแน่นอนคน เราคบกันแต่ผมก็ยังรักพี่เปิ้ลเหมือนเดิม”

“ผมเองยังคิดเลยว่า ผมก็อยากจะหาคนมาแทนผมในสาระแนเหมือนกัน เพื่อเป็นนิวเจนเนอเรชั่น แต่โอกาสก็ยังยากอยู่ แค่วันนี้ก็ได้เห็นผลแล้วว่ามันยุ่งยากยังไง ที่อยากให้มีทีมใหม่ๆ เพราะสังขารของเรา 3 คนมันก็แก่แล้ว แล้ว ไม่เหมาะสมกับการเล่นกระโตกกระตากอะไรมากมายนัก ถ้าเป็นทีมข้างหลัง มีถ่ายพวกเราบ้างเล็กน้อย มันก็น่าจะดีกว่า แล้วหารูปแบบใหม่สวมเข้าไป ผมอยากจะทำอย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้ว เห็นไหมอย่าไปแตะสาระแน”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น