วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

วิวัฒนาการครั้งสุดท้าย..มนุษย์โลก..ผลผลิตจากต่างดาว











หลังจากเหตุการณ์ UFO ถูกฟ้าผ่า ตกที่ รอสเวลล์ เมื่อ ปี 1947

เหตุการณ์ครั้งนี้เอง เกิดศัพท์ U F O  ซึ่งย่อมาจาก  Unidentified Flying Object

แปลว่า "ยานนยินลึกลับหาที่ไปที่มาไม่ได้ "
















และได้มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า เจ้าหน้าที่ได้วัตถุพยานที่เกี่ยวกับ UFO


จำนวนมากทะทั่งยานบิน ที่มีเครื่องยนต์หลงเหลืออยู่ รวมทั้งมนุษย์ต่างดาว 3 ตน 


ในำนวนนี้เป็นศพถูกไฟไหม้ 1 ตน





ต้นปี 1952 นั้นเอง เพนตาก้อน หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ได้ตั้งโครงการ


เพื่อศึกษา UFO ขึ้น เรียกว่าโครงการ "บลูบุ๊ค" โดยมี ดร.เอ็ดเวิร์ด คอนดอน เป็นหัวหน้าโครงการ


รายงานที่บันทึกข้อเท็จจริง ทั้งหมดถูกเรียกว่า "รายงายคอนดอน" ซึ่งต่อมาถูกขยายผล


เป็นโครงการอื่นๆ อีกหลายโครงการเช่น โปรเจ็คไซน์ (Project Sign)  โครงการ พอนซ์   (Project Pounce)  


 โครงการทวินเกิล  (Project Twinkle)  และโครงการ อื่นๆ รวมทั้งการก่อตั้งสมาคม  UFO ขึ้นที่อังกฤษ





จานบินหรือ UFO  การเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์ต่างดาวกับมนุษย์โลก

ที่ได้รับการบันทึกเอาไว้อย่างเป็นทางการ เกิดขึ้น เมื่อกลางเดือน ตุลาคม ค.ศ. 1961



ขณะ 2 ผัวเมีย บาร์นีย์ กับเบตตี้ ฮิลล์ ขับรถกลับบ้าน หลังจากไปท่องเที่ยว ในวันหยุด

บนถนนมุงไหนไปยัง นิวแฮมป์เชียร์  ทั้ง 2 คนพบเห็นยานลึกลับ รูปทรงกลม ลอยลำเหนือท้องฟ้า

ในระดับต่ำ เมื่อทั้งคู่ลงจากรถ เพื่อไปดูยานประหลาด  มีแสงสีน้ำเงินปล่อยออกมาจากใต้ท้องยาน

ดูดร่าง ทั้งคู่ขึ้นไป



นี่คือรายงาน ชิ้นแรก ที่มนุษย์ต่างดาวเอามนุษย์โลกไปศึกษา วิจัย บนยาน

ต่อมาถูกปล่อยตัวกลับ มายังรถยนต์ โดยไม่มีบาดแผลใดๆ



จาก การสะกดจิตบาร์นีและเบ็ตตี้ ฮิลล์ทำให้รู้ข้อมูลว่าพวกเกรย์มาจากระบบดาว "เซตา เรติคูลิ"

ในระบบดาวเซตาเรติคูแลน(เบอร์นาร์ด สตาร์) ใกล้กลุ่มดาวโอไรออน(Orion)

หรือกลุ่มดาวนายพรานหรือกลุ่มดาวเต่า



นับสิบปีผ่านไปโครงการ บลูบุ๊ค ซึ่งปฏิบัติหน้าที่วิจัย วิเคราะห์ ตัวยานอวกาศ และมนุษย์ต่างดาว

ซึ่งได้จากไร่ รอสเวลล์ ได้รับการเปิดเผยออกมาโดย แหล่งข่าวระดับสูงว่า

มนุษย์ต่างดาว 3 ตน (ตาย1) นั้น หลังจากการชันสูตรศพ และตรวจร่างกาย อย่างละเอียด ถี่ถ้วน

แล้วพบว่า ได้ผ่านการตัดต่อ เพิ่มเติมทางชีววิทยา ตามหลักพันธุวิศวกรรมแล้ว







เจ้าหน้าที่คนเดิมให้คำอธิบายว่า เหตุผลการตัดต่อพันธุวิศกรรมมนุษย์ต่างดาวมีเหตุจูงใจ 2 ประการ คือ

1. ต้องการให้เหมือนหรือคล้ายคลึง กับ มนุษย์โลกมากที่สุด

2.ปรับปรุง ตัดต่อพันธุวิศกรรมระหว่างกรรมพันธุ์มนุษย์ต่างดาวกับชาวโลก เข้าด้วยกัน

เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโลกได้



ดังนั้น มนุษย์ต่างดาว ที่พบจากเมืองรอสเวลล์ ที่ถูกนำตัวไปยัง Area 51 กลางทะเลทรายเนวาดา

ถูกตั้งชื่อ ตามหลักเผ่าพันธุ์ เป็นเกรย์ เอ.  หรือมมนุษย์สีเทา เกรดเอ.







มนุษย์ต่างดาว เกรย์ เอ. ถูกระบุว่า มาจาก ดาว เซต้า เรติคูลิ อาจเป็นมนุษย์ต่างดาว เผ่าพันธุ์แรก

ได้เดินทางมาถึงโลกดังนั้น ความเป็นไปได้ ว่ามนุษย์ต่างดาว เกรย์ เอ. อาจพัฒนาตัวเอง

เหมือนกับมนุษย์โลกทุกประการแล้ว





จากรายงานโครงการ บลูบุ๊ค ระบุว่า หน้าตาดั้งเดิมของมนุษย์ต่างดาว เกรย์ เอ.

มีลักษณะ เป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ ส่วนใหญ่มีหัวหรือร่างกายท่อนบนเป็นสัตว์

บางชนิดหัวเป็น แต่ท่อนล่างเป็นสัตว์



ตามรายงาน ยังระบุอีกว่า หลังจากมนุษย์ต่างดาวเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นมนุษย์โลกแล้ว

พวกเขามีโครงการ ทำให้มนุษย์โลก เกิดวิวัฒนาการไปอีกขั้น เป็นมนุษย์โลกพันธุ์ใหม่

ที่มีประสิทธิภาพในตัวเองเหนือว่ามนุษย์โลกดั้งเดิม กว่า 10 เท่า

เช่น มีระบบ รับฟังเสียงได้ดีมากว่า กินอาหารน้อยลง ระบบอวัยวะ ภายในหดตัวลง

สมองใหญ่ขึ้นสามารถ สื่อสารทางจิตได้ และมีโครงสร้างร่างกายประกอบด้วยอณู

หรือนิวเคลียส เล็กไปกว่าเดิมมาก ทั้งนี้เพื่อสะดวก ต่อการเคลื่อนที่จากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง

โดยแปรสภาพร่างกาย เป็นคลื่นวิทยุได้



ดังเช่นมนุษย์ต่างดาว เกรย์ เอ. ซึ่งเดินทางมาจาก ดาว เซต้า เรติคูลิ เดินทางมายังโลก

โดยแปลงร่างกายตัวเองเป้น อณู ซึ่งสามารถต้านแรงโน้มถ่วงขณะยานอวกาศ ใช้ความเร็ว

เหนือความเร็วแสงได้



เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับที่ไปที่มา ของมนุษย์ต่างดาว

ซึ่งได้เดินทางมายังโลก จากหลายโครงการวิจัย นักวิทยาศาตร์ได้แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ



1. มนุษย์ต่างดาว พันธุ์สีเทา หรือ พันธุ์เกรย์ (Gray)

2. มนุษย์ต่างดาว ที่มีรูปร่างครึ่งคน ครึ่งสัตว์

3. มนุษย์ต่างดาว ที่มีรูปร่างหน้าตา เหมือนมนุษย์โลกทุกประการ



มนุษย์ต่างดาวประเภทที่ 1





มีรูปร่างหน้าตาทั่วไป คล้ายมนุษย์โลก มีผิวสีเทาเข้ม มีอวัยวะภายในค่อนข้างซับซ้อน


อวัยวะทุกสัดส่วนมี สีเทาทั้งหมด แม้แต่เลือดยังเป็นสีเทาแกมน้ำเงิน นักวิทยาศตร์ เรียกว่า เกรย์


ซึ่งแบ่งออกเป้นชนิด ย่อยๆ ตามความแตกต่างดังนี้










1. มนุษย์ต่างดาว เกรย์ ชนิด เอ. 


มีผิวหนังสีเทาเช้มคล้ายมนุษย์โลก คาดว่าเดินทางมาจาก


ดาว เซต้า เรติคูลิ  หรือมาจากดาว เปอร์นาร์ด ซึ่งเป็นดาวในกลุ่ม ดาวโอไรออน









มนุษย์ต่างดาวรุ่นนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ เป็นนักสำรวจ เป็นทหารแนวหน้า เพื่อปกป้อง คุ้มครอง


อาณาจักรตัวเอง มีความ สูง 4.5 ฟุต หัวโตมีรอยด่างดำที่ประแก้มตามร่างกาย  ตาโต


มีขอบตาสีดำอยู่รอบดวงตา ปากเล็ก ไม่มีริมฝีปาก จมูกปลายแหลม





2. มนุษย์ต่างดาว เกรย์ ชนิด บี. 


มีรูปร่าง สูงโย่ง มีผิวกาย และอวัยวะทุกส่วน เป็นสีเทาเข้ม   สูง 7-8 ฟุต 


(เคยพบ ซากฝังไว้ในพีระมิดแห่งหนึ่งที่อียิปต์)  อาจมีบางชนิด ในเผ่าพันธุ์นี้สูงถึง 9-12 ฟุต


พวกนนี้มาจาก กลุ่มดาว โอไรออน





มนุษย์ต่างดาวเกรย์ บี. มีจมูกใหญ่ ดวงตาเล็กว่า ชนิด เอ. ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยเทคโนโลยีสูงมาก 


(ไม่ใช่ เกิดจากการผสมพันธุ์ ระหว่างเพศผู้และเพศเมีย ) เซลล์เนื้อเยื่อ เป็นโครงสร้าง แปรเปลี่ยน


เป็นอะไรก็ได้หรืออยู่ที่ใดก้เหมือน กับสิ่งๆนั้น












พวกนี้มองดูชาวโลก เหมือนกับสัตว์เลี้ยง เพราะถือว่าตนเองมีเทคโนโลยีสูงส่งมาก 


การยึดครองโลก กระทำโดยการครอบงำผู้นำชาติต่างให้มีความคิด นโยบายที่ตนกำหนดไว้









มีรายงานว่า เกรย์ บี. ตั้งฐานปฏิบัติการ อยุ่ที่เกาะอลูเทียน และทางตะวันออกของรัฐเซีย





3.มนุษย์ต่างดาวเกรย์ ชนิด ซี.


มีรูปร่างสั้นเตี้ย   มีผิวกาย และอวัยวะภายใน เป็นสีเทา   สูง 3-3.5 ฟุต  


เป็นเผ่าพันธ์ ที่มีจิตใจโหดเหี้ยม ชอบทำร้ายมนุษย์โลก และผู้ก่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในโลก


มาจากดาว เบลลาแทรกซ์  ซึ่งอยุ่ในกลุ่ม ดาว โอไรออน









มนุษย์ต่างดาวประเภทที่ 2















มีรูปร่างลักษณะครึ่งคนครึ่งสัตว์ (The Reptillians)

เป้นรูปร่างดั้งเดิม ของมนุษย์ต่างดาว จากดาว เซต้า เรติคูลิ เท่ามีหลักฐานอย่างเป็นทางการ

มีหัวคล้ายหมึกยักษ์ ครึ่งท่อนล่างเป็นคน และหัวคล้ายมนุษย์ ท่อนล่างเป็นสัตว์ คล้ายจระเข้







เชื่อกันว่า มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์นี้ มีความเจริญด้านเทคโนโลยีถึงสุดขีด ขณะเดียวกัน

มีพฤติกรรมเป็นพิษภัยต่อช่าวโลกมากที่สุดเช่นกัน



มองคนทั้งโลกเหมือนฝูงสัตว์เลี้ยง โดยยึดมั่นว่าตนเองวิวัฒนาการ และพัฒนาการด้านเทคโนโลยี

เหนือกว่าชาวโลก กว่า 30 ล้านปี

ยังโชคปีที่ว่ามนุษย์ต่างดาวผู้โหดเหี้ยม เคยเดินทางมายังโลก แล้วก็จากไป

เมื่อราว 10,000 ปีก่อน หลังจากพยายามทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ โดยการทำให้เกิดน้ำท่วมโลก

เกิดขึ้นมาใน ยุคของ โนอาห์



มนุษย์ต่างดาวประเภทที่ 3





มีรูปร่างหน้าตา เหมือนมนุษย์โลกทุกประการ โดยแบ่งออกเป็นประเภทย่อยดังนี้ 






มนุษย์ต่างดาว 3 เอ.


สูง 5-6 ฟุต เป็นการตัดแต่งพันธุกรรมมนุษย์โลก โดยมนุษย์ต่างดาวเพื่อให้เกิดการวิวัฒนาการ


ไปอีกระดับ จึงเป็นเผ่าพันธุ์สติปัญญา สูง มีคุณธรรม จิตใจเมตตากรุราต่อผู้อื่น





ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ มีภาระกิจพิเศษ ต่อต้านมนุษย์ต่างดาว ครึ่งคนครึ่งสัตว์ 


เชื่อกันว่า อีกไม่นาน มนุษย์ต่างดาว ลูกครึ่ง เหล่านี้ จะปรากฏตัวออกมา เพื่อเป็นผู้นำชาวโลก


และจะแทนที่ มนุษยืด้งเดิม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า มีพฤติกรรมก้าวร้าวเป้นนักล่า มากกว่าผุ้สร้างสรรค์





มนุษย์ต่างดาว 3 ซี.

เป็นคนเตี้ยเล็ก เหมือชาวเอเชียทั่วไป มีความเป็นมิตรกับมนุษย์


ชอบช่วยเหลื่อคนตกทุกข์ได้ยาก แต่ไม่ค่อยปรากฏตัวมากนัก ทำงานปิดทองหลังพระมาโดยตลอด





นักวิจัยระบุ ว่า นอกจากนี้ ยังมี มนุษย์ต่างดาว อีก 2 เผ่าพันธุ์ 


เดินทางมาจากดาว อาร์ทูรุส และ ดาววีก้า ได้รับการปรับแต่งรุปร่าง หน้าตาเหมือนมนุษย์ โลก


ทุกประการ ได้เดินทางมาถึงโลกแล้ว โดยไม่รู้จุดมุ่งหมาย 





นักวิทยาสาตร์ ทีมงานหนึ่งซึ่งทำงานวิจัย เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมาหลายปี


ได้ตั้งทฤษฎี อธิบายว่า แท้จริงแล้วมนุษย์โลกที่มีชีวิตอยู่ ในเวลานี้ 


ไม่ว่ามีผิวพรรณใด ชาติภาษาใด ล้วนเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ได้รับการปรับแต่งตัดต่อ พันธุ์กรรม 


มาแล้วทั้งสิ้น โดยฝีมืผู้มาจากต่างดาว





ส่วนมนุษย์โลกเผ่าพันธุ์ดั้งเดิม ตามทฤษฎี ชองชาร์ลดาร์วิน ที่ว่าพัฒนามาจาก ลิงไร้หาง


เผ่าพันธุ์นี้ ได้สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อราว 5000 ปีก่อน





หลักฐานที่ยืนยันว่า มีมนุษย์โลกพันธุ์ใหม่ เกิดขึ้นมาคือ การก่อสร้างมหาพิระมิดที่อียิปห์ 


และพิระมิด อื่นๆ ทั่วโลก  และการสร้างสะพานโค้ง โดยชาวมายา 


การสร้างเครื่องหมาย การบินบน ที่ราบสูงนาซก้า ในเปรู  จนถึงการก่อกำเนิด ศิลปะวิทยาการ


ชั้นสูงมากมายในหลายภูมิภาคทั่วโลก





หากว่า มนุษย์วิวัฒนาการมากจากลิง เมื่อ 2 ล้านปีก่อน จากยุคนั้นจนถึง ยุคนี้


มนุษย์โลกน่าจะเหนือกว่า มนุษย์ต่างดาว จากดาว เซต้า เรติคูลิ อย่างแน่นอน





ขณะที่ลิงแสนฉลาด อย่างชิมแปนซี ที่อบุัติขึ้นเมื่อ 2 ล้านปีก่อน บัดนี้ 


มันก็ไม่สามารถประดิษฐ์เครื่องมือ  หรือพูจจาภาษา มนุษย์ได้











ที่มา : นิตยสาร แปลกทะลุโลก

____________________

เครดิต :

________________________________



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น