วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ล้วงตับรัสเซีย (สงครามอวกาศ)






ยูริ กาการิน อาจเป็นมนุษย์คนแรกที่ขึ้นไปในอวกาศแล้วกลับมายังโลกได้อย่างปลอดภัย แต่มีนักบินอวกาศหลายคนเคยขึ้นสู่อวกาศก่อนหน้ากาการิน เพียงแต่พวกเขาไม่ได้กลับลงมาและบางคนยังลอยละล่องอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งในห้วงจักรวาลตราบจนทุกวันนี้











เสียงโหวกเหวกโวยวายระคนกับเสียงเลื่อย เสียงตีเหล็ก และแท่งโลหะกระทบกันบนดาดฟ้าอาคารที่สูงที่สุดในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี ทำลายความเงียบสงัดของเที่ยงคืนวันที่ 19 พฤษภาคม 1961 จนผู้ที่อาศัยอยู่ในชั้นใต้ดาดฟ้าอาคารตะโกนต่อว่าคนที่มารบกวนเวลาหลับนอน



ชายหนุ่มสองพี่น้องต้นเหตุของเสียงกล่าวขออภัยอย่างสุภาพ “ขอโทษด้วยครับ แต่รัสเซียเพิ่งจะส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ พวกเรากำลังพยายามดักฟังข้อมูล”



สงครามอวกาศ



ช่วงทศวรรษที่ 1950 สองประเทศมหาอำนาจอเมริกาและรัสเซียทำสงครามเย็นแข่งขันกันสร้างดาวเทียมขึ้นโคจรรอบโลก แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องลับสุดยอดจนต้องแบ่งโครงการออกเป็น 2 โครงการคือ โครงการที่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนและโครงการลับ



ข้อมูลส่วนที่เป็นโครงการลับจะถูกเก็บเข้าตู้ใส่กุญล็อกปิดตาย ไม่มีทางที่ข้อมูลลับจะเล็ดลอดออกสู่สายตาคนภายนอกได้หากไม่เป็นเพราะสองพี่น้องนักเล่นวิทยุสมัครเล่นนำข้อมูลนี้มาเปิดเผยจนถูกสายลับรัสเซียหมายหัวแทบเอาตัวไม่รอด



อชิลลี จูดิคา-คอร์ดิเกลีย (Achille Judica-Cordiglia) วัย 16 ปี และไกแอน (Gian) น้องชายวัย 10 ปี สนใจเล่นเครื่องรับฟังวิทยุสื่อสารมาตั้งแต่ปี 1949 เพราะมันเป็นแหล่งข้อมูลแปลกๆที่ไม่สามารถหาได้จากสื่ออื่นๆในยุคสมัยนั้น จากการเล่นเป็นงานอดิเรกกลับกลายเป็นความลุ่มหลงเมื่อสองพี่น้องรับสัญญาณข่าวสารการปล่อยยานสปุตนิก 1 (Sputnik I) ดาวเทียมดวงแรกที่ขึ้นไปในวงโคจรเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1957 หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นสองพี่น้องตกลงกันว่าจะมุ่งมั่นติดตามข่าวสารโครงการอวกาศของรัสเซียอย่างกระชั้นชิด













อชิลลี จูดิคา-คอร์ดิเกลีย (Achille Judica-Cordiglia)และไกแอน (Gian)





พวกเขาสร้างเครื่องรับวิทยุและจานรับสัญญาณขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เมตรที่สามารถถอดและประกอบติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกด้วย Fiat 600 รถยนต์ส่วนตัวคันย่อมของพวกพวกเขา

อชิลลีและไกแอนดักฟังและบันทึกเทปการสนทนาของศูนย์บัญชาการอวกาศทั้งของรัสเซียและอเมริกา พวกเขารู้ข้อมูลลับการส่งสิ่งมีชีวิตตัวแรกสุนัขไลก้าขึ้นไปกับยานสปุตนิก 2 และการส่งดาวเทียมดวงแรกของอเมริกา ยานเอ็กซ์โปลเรอร์ 1 (Explorer 1) ปฏิบัติการของสองพี่น้องไม่ได้เป็นความลับ พวกเขาแบ่งปันข้อมูลให้กับญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงตลอดจนผู้สื่อข่าวท้องถิ่น



หลุดจักรวาล



วันที่ 28 พฤศจิกายน 1960 อชิลลีและไกแอนทราบมาว่าหอดูดาวโบชุม (Bochum) ประเทศเยอรมัน รับสัญญาณวิทยุบางอย่างที่คาดว่าเป็นสัญญาณจากดาวเทียมได้ หากแต่ไม่มีแถลงการณ์ของประเทศใดให้ข่าวว่าได้ส่งดาวเทียมขึ้นไปในอวกาศ



อชิลลีและไกแอนไม่รีรอพยายามหมุนคลื่นสัญญาณลึกลับ พวกเขาเสียเวลาหานานเกือบชั่วโมงก็ไม่พบอะไรนอกจากเสียงคลื่นซ่าจนแทบจะล้มเลิกความตั้งใจ แต่ไกแอนสังเกตว่าเสียงซ่าที่ได้ยินนั้นขาดหายเป็นช่วงๆเหมือนสัญญาณมอส มันเป็นรหัสขอความช่วยเหลือ SOS และที่แปลกกว่านั้นคือสัญญาณค่อยๆช้าลงและจางหายไปในที่สุดเหมือนกับว่าแหล่งสัญญาณหลุดออกจากวงโคจรลอยหายไปในอวกาศ 



















รายการวิทยุท้องถิ่นเปิดเผยเรื่องราวนี้ออกสู่สาธารณชน ทำให้อชิลลีและไกแอนกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญสัญญาณวิทยุจากอวกาศ



ราว 22.55 น. ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1961 อชิลลีและไกแอนตรวจจับสัญญาณสื่อสารระหว่างดาวเทียมกับศูนย์ควบคุมภาคพื้นดินของรัสเซีย มันเป็นเสียงเหมือนลมหายใจติดขัดและสำลัก สองพี่น้องนำเทปบันทึกเสียงไปปรึกษาศาสตราจารย์อชิลลี โดกลิออตติ (Achille Dogliotti) นักหทัยวิทยา ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหัวใจที่ไม่ใช่ “ศิราณี”



ศาสตราจารย์อชิลลีให้ความเห็นว่ามันเป็นเสียงของคนที่กำลังขาดอากาศหายใจ สองวันต่อมารัสเซียออกแถลงการณ์สั้นๆว่าได้ส่งดาวเทียมขึ้นไปในอวกาศเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ดาวเทียมดวงนี้เกิดลุกไหม้เป็นจุณจากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศขณะกลับลงสู่พื้นโลกโดยไม่มีการพูดถึงว่ามีนักบินอวกาศในดาวเทียมดวงนี้หรือไม่









ลบประวัติศาสตร์



โครงการอวกาศรัสเซียได้คัดสรรเลือกตัวนักบินอวกาศที่จะขึ้นไปกับดาวเทียมดวงต่างๆเอาไว้ทั้งสิ้น 6 คน ซึ่งเรียกว่าโซชิซิกซ์ (Sochi Six) ในจำนวนนี้มี ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปท่องอวกาศและกลับลงมาได้อย่างปลอดภัย






ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin)





กริกอไร เนลยูบอฟ (Grigoriy Nelyubov) หนึ่งในโซชิซิกซ์ ดื่มสุราเมามายมีเรื่องชกต่อยกับทหารทำให้เขาถูกปลดจากโครงการอวกาศ ความเสียใจทำให้เนลยูบอฟกระโดดขวางรถไฟเสียชีวิต ที่แปลกกว่านั้นคือภาพถ่ายหมู่โซชิซิกซ์ มีการลบภาพเนลยูบอฟออกจากภาพถ่าย 







กริกอไร เนลยูบอฟ (Grigoriy Nelyubov)











เชื่อกันว่าเนลบูยอฟเสียชีวิตในโครงการอวกาศ หากแต่รัสเซียต้องการปกปิดความล้มเหลวจึงพยายามลบประวัติของเนลบูยอฟออกจากสารบบ เช่นเดียวกับการเสียชีวิตอย่างแปลกประหลาดของนักบินอวกาศอีกหลายคน เช่น อนาโตไร คาร์ตาชอฟ (Anatoliy Kartashov) เสียชีวิตจากการมีโลหิตไหลออกตามผิวหนังหลังจากฝึกซ้อมเครื่องแรงเหวี่ยง และวาเลนติน วาร์ลามอฟ (Valentin Varlamov) หายสาบสูญหลังจากประสบอุบัติเหตุตอนฝึกซ้อมกระโดดร่ม






 



อชิลลีและไกแอนดักฟังการสื่อสารในโครงการอวกาศรัสเซียหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาเชื่อว่ารัสเซียประสบความล้มเหลวและสูญเสียนักบินอวกาศไปเป็นจำนวนมากทั้งก่อนและหลังจากที่ยูริ กาการิน จะประสบความสำเร็จขึ้นไปท่องในอวกาศได้เป็นคนแรกของโลก























แขกไม่ได้รับเชิญ



วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1962 นาซ่าส่งนักบินอวกาศ จอห์น เกลนน์ (John Glenn) ขึ้นไปวงโคจรด้วยยานเฟรนชิป 7 (Friendship 7) การสื่อสารครั้งนี้ก็ไม่รอดพ้นการดักฟังของสองพี่น้องอชิลลีและไกแอนเช่นเดียวกัน










จอห์น เกลนน์ (John Glenn)






ไม่กี่วันหลังจากนั้น ชายกำยำร่างใหญ่สวมเสื้อคลุมยาวปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของสองพี่น้อง โดยแนะนำตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวจากรัสเซีย มาขอสัมภาษณ์เรื่องบทสนทนาของนักบินอวกาศรัสเซียกับศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินตามที่อชิลลีและไกแอนดักฟังได้



การสัมภาษณ์ดำเนินไปตามปรกติเพียงไม่นานนัก จากนั้นผู้สื่อข่าวชาวรัสเซียก็ลากลับ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีก็มีชายอิตาเลียนแต่งกายสุภาพสวมเสื้อนอกปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของอชิลลีและไกแอน เขาแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอิตาลี เขายื่นภาพถ่ายชายคนหนึ่งให้สองพี่น้องดูพร้อมกับบอกว่าบุคคลในภาพเป็นสายลับรัสเซียขอให้ระวังตัวด้วย ชายในภาพก็คือผู้สื่อข่าวชาวรัสเซียที่เพิ่งกลับออกไปพักใหญ่ๆ



เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอิตาลีแจ้งว่า เขาสืบทราบความเคลื่อนไหวของสายลับรัสเซียและรับปากจะดูแลความปลอดภัยให้กับอชิลลีและไกแอน







ฝันที่เป็นจริง



ปี 1964 อชิลลีและไกแอนได้รับเชิญให้ไปเล่นเกมโชว์ Fiera dei Sogni หรือชื่อภาษาไทยก็ประมาณ “ฝันที่เป็นจริง” เกมนี้เป็นการแข่งขันตอบปัญหา ผู้ชนะจะได้รางวัลอะไรก็ตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน สองพี่น้องตอบรับคำเชิญโดยไม่ลังเล พวกฝันอยากไปเยือนองค์การนาซ่าสถานที่ที่คนธรรมดาอย่างพวกเขาคงไม่มีวันได้ไปเหยียบ



อชิลลีและไกแอนชนะการแข่งขันเกมโชว์อย่างไม่ยากนัก พวกเขาเดินทางไปถึงสำนักงานใหญ่องค์การนาซ่าในรัฐวอชิงตันวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1964 โดยมีจอห์น ฮอสส์แมน (John Haussman) เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลองค์การนาซ่าให้การต้อนรับ






 



อชิลลีและไกแอนอวดตัวโดยเปิดเทปบันทึกเสียงการสื่อสารระหว่างนักบินอวกาศจอห์น เกลนน์ และศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินให้กับจอห์นได้ฟัง จอห์นตกใจมากและสอบถามสองพี่น้องว่าดักฟังการสื่อสารนี้ได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องลับสุดยอด



เจ้าหน้าองค์การนาซ่าตรวจสอบเทปบันทึกเสียงและยืนยันว่าเป็นของจริง ทำให้น่าเชื่อว่าเทปบันทึกสัญญาณสื่อสารของโครงการอวกาศรัสเซียก็น่าจะเป็นของจริงเช่นเดียวกัน ส่วนรายละเอียดว่าอชิลลีและไกแอนรู้ความถี่คลื่นและจังหวะเวลาในการดักฟังได้อย่างนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนเกินกว่าจะเขียนอธิบายในคอลัมน์ได้






 



อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียออกมาปฏิเสธข่าวทั้งหมดและกล่าวหาอชิลลีและไกแอนว่าเป็นคนลวงโลก สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา โดยอ้างว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครดักฟังการสื่อสารระหว่างยานอวกาศและศูนย์บัญชาการภาคพื้นดิน



หลังจากที่สหรัฐส่งยานอพอลโล 11 ไปดวงจันทร์ ข้อมูลข่าวสารทางอวกาศเป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณชนมากขึ้น อชิลลีและไกแอนก็ยุติงานอดเรกของพวกเขา ปัจจุบันอชิลลีผันตัวเองเป็นนักหทัยวิทยา ส่วนไกแอนทำงานเป็นผู้ช่วยเชี่ยวชาญการดักฟังโทรศัพท์ให้กับสำนักงานตำรวจอิตาลี



ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับที่ 362 วันที่ 2 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555 หน้า 48 คอลัมน์ ร้ายสาระ โดย ศิลป์ อิศเรศ

____________________


เครดิต :  tongmen_261

http://www.mythland.org/v3/thread-4622-1-1.html


________________________________



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น