วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“ทอมซี” รอดปาฏิหาริย์ พี่สาวคาดเป็นปีชง เพราะเดือนเดียวมีอุบัติเหตุปาเข้าไป 4 ครั้ง

“ทอมซี” ผ่าตัดสมองปลอดภัยแล้ว แพทย์เผยพรุ่งนี้ก็ออกจากห้องไอซียูได้ แต่จะหายร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ต้องรอดูอีก 2 สัปดาห์ ส่วนกระดูกไหปลาร้าแตก มีแนวโน้มที่จะต้องผ่าตัด เพราะไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาในการเต้นในอนาคต ด้านพี่สาวคาดเป็นปีชงของซี เพราะช่วงนี้มีอุบัติเหตุตลอด สุดโล่งที่น้องรอดถือว่าฟาดเคราะห์

ปลอดภัยแล้ว สำหรับอาการของ “ซี มัฑณาวี คีแนน” นักร้องสาวหล่อค่ายอาร์เอส หลังจากเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าตัวประสบอุบัติเหตุถูกรถกระบะชน ขณะข้ามถนนเพื่อจะไปร่วมทำบุญในงานวันเกิด “เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร” ที่วัดปทุมวนาราม ย่านปทุมวัน จนมีเลือดออกที่ใต้กะโหลกศีรษะ และกระดูกไหปลาร้าด้านขวาหัก กระทั่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ และ พล.ต.ต.นพ.ชนะ จงโชคดี แพทย์เวรศัลยกรรมประสาท ได้ทำการผ่าตัดสมองเปิดกะโหลกเพื่อเจาะเลือดที่คั่งออกมา โดยมีแผลผ่าตัดยาวถึง 10 เซนติเมตร ใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ชม.

ความคืบหน้าล่าสุด ในเช้าวันนี้(28 พ.ค.) ได้มีการเปิดแถลงข่าวอาการผ่าตัดของนักร้องซี ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยมี พ.ต.อ.นายแพทย์ สุพล จงพาณิชย์กุลธร โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ, พ.ต.ต.นายแพทย์ ชนะ จงโชคดี แพทย์ศัลยกรรมประสาท, นางซรี่ คีแนน แม่ของซี ร่วมด้วย แคทรีน-ลิซ่า คีแนน พี่สาวของซี ร่วมในการแถลงข่าวด้วย ซึ่งอาการโดยรวมถือว่าปลอดภัยแล้ว ส่วนจะหายร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ต้องรอดูอาการอีก 1-2 สัปดาห์

พ.ต.อ. นายแพทย์ สุพล จงพาณิชย์กุลธร โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เผยว่า…

“น.ส.มัฑณาวี คีแนน รับเข้าโรงพยาบาลวันที่ 27 พฤษภาฯ ประมาณเวลา 13.10 น.อาการตอนมาถึงโรงพยาบาลหมดสติไป น้องเขากระดูกไหปลาร้าข้างขวาหัก เอ็กซเรย์สมองก็พบว่ามีเลือดออกบริเวณใต้ศีรษะ ซึ่งก็มีปริมาณพอสมควรแล้วเราก็ได้ทำการผ่าตัดออกไปแล้ว และกะโหลกศีรษะร้าว คนไข้ได้ผ่าตัดเสร็จออกมาเมื่อเวลา 14.45 น.หลังผ่าตัดคนไข้รู้สึกตัวดี แต่ก็ยังใส่ท่อหายใจอยู่”

“เอาเข้าไอซียู ระบายเลือดของส่วนที่ผ่าตัดไป คนไข้ขยับแขนขาได้ดีพอสมควร เมื่อวานก็งดอาหารอยู่ คนไข้ก็มีอาการคลื่นไส้อาเจียนบ้าง เมื่อเช้าได้พาแพทย์ใหญ่ และพี่สาวทั้ง 2 ท่านเข้าไปเยี่ยม คนไข้รู้ตัวดีและตอบคำถามได้ ขยับแขนขาได้ดีพอสมควร ทางคุณหมอให้จิบน้ำก็ทานได้ คนไข้เองก็สามารถพูดคุยกับคุณแม่และพี่สาวได้แล้ว”

“ผู้ป่วยรถชนอยู่หน้าโรงพยาบาล จึงสามารถส่งถึงมือโรงพยาบาลตำรวจได้ค่อนข้างเร็ว แล้วน้องเองก็อายุยังน้อยโอกาสที่จะฟื้นตัวก็ค่อนข้างเร็ว และปัจจุบันโรงพยาบาลเราก็มีเครื่องมือที่ทันสมัย สามารถวินิจฉัยได้เร็ว การมีเลือดออกในสมองบางครั้งการตรวจแค่ร่างกายอาจจะตรวจยาก แต่พอเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์เราจะเห็นเลยว่าเลือดออกตรงตำแหน่งไหน”

“เราเองมีทีมแพทย์ประจำ ก็ถือว่าช่วยชีวิตได้ค่อนข่างเร็ว เกิดอุบัติเหตุตอน 9 โมงเช้า เข้ารับการผ่าตัดช่วงบ่าย สรุป ณ ตอนนี้น้องก็อยู่ในขั้นที่ปลอดภัยพอสมควร ถ้าไม่เกิดอาการแทรกซ้อนอะไร”

ขณะที่ พ.ต.ต.นายแพทย์ ชนะ จงโชคดี แพทย์ศัลยกรรมประสาท แพทย์เจ้าของไข้ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า

“ก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัด คนไข้เริ่มที่จะซึมลง ตอนที่เข้ามาก็ได้ประวัติคนไข้ว่าคนไข้ตื่นพอสมควร ลืมตาเอง ทำตามที่บอกได้ แต่พอสักพักนึงผู้ป่วยก็มีอาการปวดศีรษะมากขึ้น มีคลื่นไส้อาเจียน ตอนที่มาถึง เราเองได้ส่งคนไข้ไปเอกซเรย์สมองแล้ว ซึ่งพบว่ามีเลือดออกเล็กน้อย ตรงเยื่อหุ้มสมองข้างซ้ายนิดเดียว อยู่ไปประมาณ 1 ชั่วโมงคนไข้ก็ปวดศีรษะมากขึ้น เราก็เลยได้ทำการส่งเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ซ้ำอีกครั้ง ก็พบว่ามีเลือดออก”

“การผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตมากกว่า เลือดตรงนี้ถ้าเราทำการผ่าตัดตั้งแต่แรก ตอนที่คนไข้ยังตื่นรู้ตัวดี ส่วนใหญ่ผลลัพธ์ของการผ่าตัดก็น่าจะดีในระดับนึง ส่วนจะหายร้อยเปอร์เซ็นต์มั้ย อันนี้ก็คงต้องรอดูอาการอีกสักประมาณ 1-2 อาทิตย์ อาการคนไข้ตอนนี้หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จสัก 2 ทุ่มก็ได้ส่งเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ซ้ำอีกทีนึง เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเลือกโผล่ตรงไหนอีกรึเปล่า ก็ไม่พบ เราเลยทำการเอาท่อช่วยหายใจออก”

“ณ ตอนนี้อาการสมองค่อนข้างที่จะดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังต้องสังเกตอาการอีกต่อไป เพราะบางทีการบาดเจ็บทางสมองถ้าโชคดีเลือดหยุดในตอนแรก แต่บางทีในช่วงสักวันที่ 3-7 คนไข้อาจจะมีอาการซึมลง หรือจะเกิดอะไรขึ้นได้อีก ซึ่งตอนนี้ก็ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลเฝ้าดูอาการไปก่อน สัก 1-2 สัปดาห์”

“ส่วนเรื่องที่ต้องดูแลระมัดระวังเป็นพิเศษ ทางด้านสมองรอเอาสายระบายเลือดที่ใส่ไว้ออก โดยปกติก็ประมาณ 2-3 วันหลังผ่าตัด ต้องดูว่าปริมาณเลือดมันยังออกน้อยรึเปล่า ถ้าออกน้อยเราก็สามารถเอาออกได้ หลังจากนั้น ก็รอตัดไหม เรื่องเต้นในช่วง1-2 เดือนแรก ก็คงต้องหยุด แล้วมาประเมินอีกทีว่าน้องเขาจะกลับไปเต้นได้มั้ย”

“ในส่วนของกระดูกไหปลาร้าด้านนอก 1 ส่วน 3 แตก แต่เท่าที่คุยกับคุณหมอกระดูกท่านก็บอกว่ามีแนวโน้มที่จะต้องผ่าตัด ถ้าน้องเขาต้องเต้นหรืออะไร ถ้าเรารักษาด้วยการที่ไม่ผ่า ก็อาจจะมีปัญหาในระยะยาวได้ ก็ต้องดูอาการอีกสักระยะก่อนครับ ตอนนี้ก็เฝ้าดูอาการ 1-2 อาทิตย์ รอดูว่าน้องเขาจะได้ดีขนาดไหน ดูจากอาการของผู้ป่วย เมื่อวานกับวันนี้แล้ว ก็คิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้น่าจะย้ายจากห้องไอซียูมาห้องพิเศษได้”

ด้าน “แคทรีน” พี่สาวซีเผยช่วงนี้น้องซวยซ้ำซวยซ้อน

“ก่อนหน้านี้ เขาก็ขับรถแล้วโดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว ก่อนหน้านี้ 3 อาทิตย์ แต่ก็เฉี่ยวไม่เยอะ เราก็เตือนให้เขามีสติ เสร็จก็เลยไปซื้อรถจักรยาน เพราะเขาเช่าห้องอยู่ใกล้อาร์เอส ปรากฏว่าไปขับจักรยานตกคูอีก ยางหัก เป็นเหตุการณ์ต่อๆกันเลย หลังจากนั้นเอาจักรยานไปซ่อม ขี่ก็ยังไปล้มมาอีก เราก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาซน มือถือก็มาหายตกแตกอีก เราก็เริ่มเอ๊ะซีไปทำบุญนะ ก็เลยพาน้องไปทำบุญตลอด”

“แล้วนี่ก็ยังมาโดนอีก ช่วง 3-4 อาทิตย์ที่ผ่านมา นี่เขามีเรื่องตลอด เรื่องมันเริ่มมีมา 1-2 เดือนแล้ว เราก็จะเครียดทุกวันเลย ก็เลยพาน้องมาอยู่ด้วยกันกับเรา เราก็ดูแลเขาตลอด นี่ขนาดอยู่ใกล้ๆ กันนะ ก็อาจจะเป็นปีชงเขา ปีนี้เขาอายุ 24 ปี เหมือนน้องเองก็พยายามแล้ว พยายามบอกเขาตลอดว่าห้ามไปไหนที่ไม่มีเรา เราระวัง ขนาดเขาถือของอะไรก็ยังหาย ยังตก”

“ช่วงต้นปีเราก็พาน้องไปดูดวงนะ เขาก็ทักให้ระวังเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ เราก็เลยไม่ให้ขับรถยนต์ เขาก็บอกว่าหลังจากวันเกิดจะดีขึ้น ก็ต้องรอ 27 ตุลาฯ ซีเองเขาพยายามทำบุญมาตลอดเพื่อให้เขาดีขึ้น ผ่อนหนักเป็นเบา เราเองก็ทำบุญช่วยเขา นี่ก็ถือว่าฟาดเคราะห์จากหนักเป็นเบา เพราะถ้าไม่ได้อยู่ตรงหน้าโรงพยาบาลอาจจะแย่กว่านี้”

“ก็ให้เป็นบทเรียนสำหรับเขา จริงๆ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เคยเกิดอุบัติเหตุกับเขามาแล้วครั้งนึง เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็ใหญ่เหมือนกันนะ ก็เป็นรถเหมือนกัน แต่ครั้งนั้นผ่าตัดภายนอก เลือดจะออก ถ้าสังเกตตรงหน้าเขาจะมีรอยเย็บ พอหลังจากนั้นอาทิตย์นึงเขาก็ได้เข้าอาร์เอสเลย เขาจะเชื่อเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร ก็พยายามไปทำบุญ เขาเป็นคนชอบทำบุญ”

“ตอนที่เขาสลบไปเราก็ให้เขากำพระตลอด แล้วเราก็เขย่าน้องให้เขามีสติ หายใจเข้าออกนะ ให้คิดถึงพ่อแม่ สักพักนึงเขาถึงจะอาเจียนออกมา เราก็สบายใจขึ้นมา เอาจริงๆ ตอนแรกเราคิดเลยว่ายังไงก็ไม่รอด เราเองเพิ่งจะไปไหว้พระกัน แล้วเราก็ขอพรให้น้องเราหมดเวรหมดกรรมซะที แต่แค่ 1 นาที อาจจะเป็นว่าพอแล้วก็ได้นะ ตอนที่ไปดูเขาก็ทักว่าให้ระวังอุบัติเหตุอีกครั้งนึงนะ จะเป็นครั้งที่เป็นตายเท่ากัน ก็มาเจอครั้งนี้”

“เขาเองก็ทำทานทำบุญอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะเขาเชื่อเรื่องนี้ เราก็บอกเขาตลอด การกุศลอะไรก็ทำไป แต่ใจเขาไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย เราก็บอกเขาเสมอให้เขามีสติ (เหมือนช่วงที่ผ่านมาเขาก็ดูหมองๆ ไม่ค่อยมีราศีเท่าไหร่?) ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวมั้ย แต่เราเองค่อนข้างเชื่อ เพราะเราเห็นมากับตัวเอง ตอนที่น้องสลบไป เราก็คิดแล้วว่ามันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”

“เราก็พยายามไหว้พระตลอด ก็คุยกับแม่ วันนั้นก็ยังอธิษฐานให้น้องเขาหมดเวรหมดกรรมต่อกันไป ก็อาจจะเป็นว่าเขาจะได้เริ่มต้น เพราะอย่างคราวที่แล้ว รถชนปุ๊บก็ได้เข้าอาร์เอสเลย ทุกครั้งก็จะเป็นอย่างนี้ แต่ตอนนี้ขอให้เขามีชีวิตรอดก็บุญแล้วค่ะ เราเองพยายามคุมเขาตลอด แค่หลังๆ เราแยกกัน ก็เลยไม่คุมเขาก็เลยประมาท เขาก็จะซนๆ เหมือนเด็กผู้ชาย”

เมื่อถามถึงคนที่ขับรถชน “ซี” ทางด้านของ “ลิซ่า” พี่สาวก็บอกว่า…

ลิซ่า : “เขาอยู่ด้วยตลอด เขาไม่ได้ทิ้งไม่ได้หนี เขาขอโทษเราตลอดเวลา เราก็โอเคมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เขาก็รู้สึกเสียใจ เขาก็บอกว่าเขารู้สึกแย่นะ เขาเสียใจ เขาอยู่กับเราตลอด ทั้งหลังจากชนน้อง เข้าผ่าตัด ก็คงเป็นไปตามที่ควรจะเป็น อีกอย่างเราเองเดินข้าวถนน ก็เป็นความประมาทของเราด้วย”

แคทรีน : “ซีเขาก็อยากเห็นตัวเอง เขาถามคุณหมอว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ก็ส่งกระจกให้เขาดู ก็บอกสกินเฮดแล้ว เขาก็เป็นห่วงตัวเองถามว่ามีแผลใหญ่มั้ย เยอะมั้ย ผมจะขึ้นมั้ย เราก็บอกว่าไม่ต้องห่วง เอาให้หายก่อน เขาเห็นตัวเองแล้วเขาก็บอกว่าเท่ไปอีกแบบนึง น้องก็กำลังใจดีค่ะ มีแฟนคลับมาเยี่ยมตลอด ทางอาร์เอสเองก็เป็นธุระให้ ซ้อกับเฮียก็ติดตามตลอดเวลา มาเฝ้าถึงหน้าห้องผ่าตัด”

“พี่เมย์ (พิชญ์นาฏ) เองก็เพิ่งจะกลับไปเอง เขาบอกเดี๋ยวจะมารอตลอดเวลา จะมาทุกวันเลย เขามาเยี่ยมแล้วขอไปถ่ายละคร แล้วช่วงเย็นถ้าว่างจะมาอีก เราเองก็ขอโทษเขา ก็บอกเขาว่าอย่าคิดมาก เขาคิดมาว่าเป็นเพราะเขารึเปล่า แต่เราก็บอกว่าไม่ได้อะไร เพราะเราตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์วันเกิดเขามากกว่า”

ตอนนี้ยังเป็นห่วงกลัวว่าเลือดจะออกในสมองเพิ่มอีก

แคทรีน : “ก็ยังห่วงกลัวว่าเลือดจะออกเพิ่มอย่างเดียว”

ลิซ่า : “เพราะคุณหมอท่านก็บอกเองว่าไว้ใจไม่ได้เลย ความคิดหรือจิตใจเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม เมื่อกี้ตื่นมาเขาก็ถามในสิ่งที่เขาเป็นตลอด เขายังรู้สึกอยู่ รู้จักทุกคน จำได้ เพียงแต่ตอบช้าหน่อย”

แคทรีน : “ก็ขอบคุณแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ และโทรเข้ามาถามไถ่อาการเยอะมาก มากันถึงข้างหน้าห้อง แต่ก็ต้องขอโทษทีที่ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะน้องเองก็ยังอยู่ในอาการที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังไงเดี๋ยวเราฝากสมุดโน้ตทิ้งไว้ แล้วจะถ่ายรูปไปให้น้องดู เพราะน้องต้องการกำลังใจมาก น้องเขาอยากดูรูป เขาอยากรู้ว่าใครมาเยี่ยมเขาบ้าง มีน้องๆ แฟนคลับคนไหนมาบ้าง เขาคิดถึง เขาอยากออกมาร้องเพลงแล้ว ก็ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ที่เป็นห่วง แม่เองดีใจ ทำให้เรามีกำลังใจด้วย”

ชมภาพทั้งหมดเต็มๆได้ที่ http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9550000065538
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น